ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว นครปฐม
![]() |
หลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม นครปฐม |
หลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว หรือ พระครูบัณฑิตานุกูล (พ่วง โสณปณฺฑิโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ่อตะกั่วพุทธาราม ตำบลบางระกำ อำเภอนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม
พระครูบัณฑิตานุกูล ท่านมีนามเดิม พ่วง นามสกุล เดชกล้าหาญ พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านตำบลหนองปากโลง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เกิดวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม ตรงกับเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๘ โยมบิดาชื่อนายฮุก แซ่ตัน (จีนนอก) โยมมารดาชื่อนางไข่ เดชกล้าหาญ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑๔ คน คือ
๑. นางสาวปลูก
๒. นางบาง นายกี่ บัวงาม
๓. นางตุ้ม นายเปล่ง
๔. นางแปลก นายต่าย
๕. นางตุ่น นายใหญ่
๖. นางเขียว นายแปลก
๗. นางแจ่ม นายแอ๊บ
๘. อุบาสิกาสิน นายบุญ แสงรักษาวงศ์
๙. นายหลง นางแว่ว เดชกล้าหาญ
๑๐. ด.ช. (ถึงแก่กรรมแต่เมื่อยังเยาว์)
๑๑. นางแต้ม นายเล็ก พงษ์เภา
๑๒. นางอัน นายแป๊ะ
๑๓. พระครูบัณฑิตานุกูล (พ่วง เดชกล้าหาญ)
๑๔. นางต้อย นายไปล่ โห้แพ
ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ หลวงพ่อพ่วงงมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดไทร ตำบลท่ากระชับ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๘ ได้รับฉายาว่า "โสณปณฺฑิโต" โดยมี
พระปลัดสิน เจ้าอาวาสวัดไทร เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมทแล้ว ท่านได้กลับมาจําพรรษาที่วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและบทสวดมนต์ต่างๆ
แล้วจึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดม่วงชุม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ขณะที่อยู่จำพรรษาที่จังหวัดลำปางนั้น ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสมุห์ ฐานานุกรม ของเจ้าคณะจังหวัดลำปาง
ต่อจากนั้นได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระงาม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม
ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้นักธรรมตรี ณ สำนักวัดพระงาม จังหวัดนครปฐม
ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ สอบได้นักธรรมโท ณ สำนักวัดพระงาม จังหวัดนครปฐม และในปีนั้นเอง พระอธิการพร ธมฺมสาลี เจ้าอาวาสวัดบ่อตะกั่วพุทธารามได้ย้ายกลับภูมิลำเนา ประชาชนตําบลบางระกำ จึงได้อาราธนาหลวงพ่อพ่วงให้มาจําพรรษาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ่อตะกั่วพุทธารามทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๒๘ บ้านบางระกำ หมู่ที่ ๑ ตำบลบางระกำ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๓๕ ไร่ ๓ งาน ๘๘ ตารางวา
วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๕ จากผู้คนที่เล่าขานกันมาว่า แต่เดิมที่สร้างวัดนี้เป็นบ่อน้ำ และมีตะกั่วมากมาย ชาวบ้านจึงได้จัดสร้างวัดขึ้นและตั้งชื่อว่า วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม
วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ มีรายนามเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามดังนี้
๑. พระกร อินฺทสโร พ.ศ. ๒๔๔๕ - ๒๔๗๘
๒. พระพร ธมฺมสาลี พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๗๙
๓. พระครูบัญฑิตานุกุล (พ่วง โสณปณฺฑิโต) พ.ศ. ๒๔๗๙ - ๒๕๑๗
๔. พระครูสิริชยาภิวัฒน์ (บุญเลิศ ปริปุณฺโณ) พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๔๘
๕. พระมหากมล สุจิตฺโต ป.ธ.๗ พ.ศ. ๒๕๔๘ - ปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อพ่วงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
ปี พ.ศ. ๒๔๘๐ สร้างหอสวดมนต์ หอฉัน นอกจากนี้ท่านได้จัดให้ภิกษุสามเณรในวัดได้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมขึ้น โดยท่านเป็นเจ้าสำนักเรียนและอำนวยการสอนด้วยตนเองเรื่อยมา
และเมื่อปรากฏว่า มีภิกษุสามเณรเข้าสอบในสนามหลวงเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และเมื่อเห็นว่าภิกษุสามเณรรูปใดเอาใจใส่ในการศึกษาประกอบกับสติปัญญาพอไปได้ ท่านก็มิได้สกัดกันอนาคตของศิษย์ไว้
โดยนำไปฝากฝังไว้ในสํานักเรียนใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร ก็มีหลายรูป และสำเร็จเป็นเปรียญแล้วก็หลายองค์ มีบางรูปสำเร็จเป็นเปรียญถึง ๙ ประโยค และไปศึกษาต่อในต่างประเทศก็มี
ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ สร้างกุฏิ ๒ หลัง สร้างสะพานข้ามคลองหน้าวัด และสร้างศาลาท่าน้ำ ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสมุห์ พระครูฐานานุกรม ของสมเด็จพระวันรัต (เพื่อน ติสฺสทตฺตมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ และสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง อดีตผู้บัญชาการคณะสงฆ์แทนองค์สมเด็จ พระสังฆราช
ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ สร้างกุฏิ ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ สร้างกุฏิ ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ สร้างศาลาปรก ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ สร้างกุฏิ ๒ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ทางราชการคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม แต่ชาวตำบลบางระกําไม่ยินยอมให้ไป เพราะเกรงว่าหากทิ้งไปแล้ว วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม ซึ่งเป็นวัดกลางทุ่ง ที่หลวงพ่อพ่วงได้ก่อร่างสร้างซ่อมมาตั้งแต่มีกุฏิหลังเดียวก็จะทรุดโทรมลงไปในที่สุด
เพื่อตามใจประชาชนและด้วยความเป็นห่วงวัดเดิม ท่านก็ได้ลาออกจากเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ มาดำรงตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ่อตะกั่วพุทธาราม แต่เพียงตำแหน่งเดียว
ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ สร้างกุฏิ ๒ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ สร้างศาลาคลุมฐานบาตร ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ สร้างโรงเรียนประบาล ๒ ชั้น ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ สร้างโรงครัวถาวร และในปีนั้นทางราชการได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระครูกรรมการศึกษา ในฐานะสร้างโรงเรียนประชาบาล (พ่วงประชานุกูล) สําเร็จ เป็นโรงเรียนไม้ ๒ ชั้น
![]() |
ข่าวเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม นครปฐม |
ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ที่พระครูบัณฑิตานุกูล เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๕
ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ สร้างศาลาเล็กสกัดศาลาใหญ่ ๑ หลัง และสร้างพระเจดีย์สามแก้ว สูง ๑ เส้นเศษ
ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ สร้างกุฏิ ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมคอนกรีต ๑ หลัง และในปีนั้นท่านได้เปิดสอนนักเรียนธรรมศึกษาขึ้นภายในวัดอีก โดยรับเด็กและประชาชนผู้สนใจการศึกษาแต่ไม่สามารถจะเรียนต่อในทางโลกได้ ให้เข้าอบรมและเรียนธรรม
ทั้งยังได้ส่งเข้าสอบในสนามหลวงปีละมาก บางปีถึง ๒๐-๓๐ คน ก็เคยมี ซึ่งนับว่าเป็นวัดที่ส่งนักธรรมและธรรมศึกษาเข้าสอบในสนามหลวงมากที่สุดในจังหวัด จนทางราชการคณะสงฆ์ขอพระราชทานสมณศักดิ์ให้ในนามว่า "บัณฑิตานุกูล" แปลว่า ผู้สงเคราะห์คนให้เป็นบัณฑิต
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้รับแต่งตั้งจากราชการคณะสงฆ์ให้เป็นประธานกรรมการสอบธรรม สนามจังหวัดนครปฐม สำนักวัดบ่อตะกั่วพุทธาราม อำเภอครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ซื้อที่นา เพื่อขยายอานาเขตของวัด ๑๕ ไร่เศษ
ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ จากสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง ปีนั้นท่านได้สร้างถนนจากวัดห้วยตะโกถึงวัดบ่อตะกั่ว และจากวัดบ่อตะกั่วจนสุดเขตตำบลบางระกำ ระยะทางยาว ๖ กิโลเมตร และทำเสาไฟฟ้าเข้าสู่วัดและหมู่บ้าน
ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ สร้างศาลาท่าน้ำเทคอนกรีตทั้งหลัง ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ สร้างหอระฆังเทคอนกรีตทั้งหลัง ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ๑ หลัง ราคา ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างกุฏิเจ้าอาวาสองค์ต่อไป ๑ หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ สร้างอาคารโรงเรียนประชาบาลอีก ๑ หลัง
นอกจากหน้าที่การงานต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว พระครูบัณฑิตานุกูล (หลวงพ่อพ่วง) ยังได้เอาเป็นภาระธุระในกิจการคณะสงฆ์ด้านต่างๆ อันเป็นการสมัครสมานประสานความสามัคคี ทั้งทางฝ่ายพุทธจักร และอาณาจักรได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้โดยสังเขป ดังนี้ คือ
ท่านเป็นผู้มีความสามารถในการปกครองทั้งชาววัด และชาวบ้านให้สนิทสนมกลมเกลียวและสามัคคีกันเป็นอย่างดียิ่ง เมื่อมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นใน ทํานองไม่ดีไม่งามก็พยายามไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีเข้าใจและตกลงกันได้ด้วยดี
โดยถือความยุติธรรมเป็นหลัก แม้ที่สุดชาวบางระกำ เมื่อมีเหตุขัดข้องหมองใจกันด้วยเรื่องใดๆ ก็ดี คู่กรณีตกลงกันเองไม่ได้ ก่อนที่ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านจะได้จัดการส่งเรื่องราวให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองจัดการ
คู่กรณีก็ยินดีที่จะให้ท่านพระครูบัณฑิตานุกูล (หลวงพ่อพ่วง) ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของตนเป็นผู้ตัดสินก่อน
ซึ่งท่านก็ได้พยายามให้ความยุติธรรม และสุดท้ายเรื่องราวต่างๆ ส่วนมากก็ยุติลงด้วยความเรียบร้อย โดยไม่ต้องส่งถึงโรงศาล ไม่ต้องเสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้เฉพาะกรณีที่ไม่ขัดต่อระเบียบพระธรรมวินัย อันอยู่ในวิสัยที่สมณะจะพึงช่วยเหลือได้
ด้วยเกียรติคุณข้อนี้ จึงทำให้ประชาชนชาวตำบลบางระกำ และประชาชนในตำบล ใกล้เคียงมีความเลื่อมใสศรัทธาและเคารพนับถือยิ่งขึ้น
จะเห็นได้โดยประชาชนในตำบลใกล้เคียง เมื่อถึงฤดูกาลก็มักจะนำลูกหลานมาบรรพชาอุปสมบท และนำมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม ปีละมากๆ บางปีถึง ๓๐ กว่ารูปก็เคยมี ซึ่งนับว่าเป็นวัดในชนบทที่มีพระสงฆ์และสามเณรมากวัดหนึ่งในอำเภอนครชัยศรี
อีกประการหนึ่ง ซึ่งควรจะได้กล่าวไว้ในประวัติของหลวงพ่อพ่วงก็คือ ท่านเป็นหมอยาโบราณ รักษาพยาบาลคนเจ็บป่วย เมื่อสมัยการคมนาคมไม่สะดวก ก็ได้ช่วยชีวิตคนไข้ชาวตำบลบางระกำและตำบลใกล้เคียงไว้มิใช่น้อย
ในสมัยที่ตำบลบางระกำยังไม่เจริญด้วยการคมนาคม การสัญจรไปมาไม่สะดวก เมื่อมีคนเจ็บป่วยก็มาตามหลวงพ่อให้ไปรักษา หลวงพ่อพ่วงไม่เคยรังเกียจว่าจะเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย ยากดีมีจนอย่างไร หน้าแล้งก็ไปเดิน หน้าน้ำก็ไปเรือ พายไปเองทั้งขาไปและขากลับ
ท่านได้พยายามดูแลรักษาด้วยความเมตตากรุณาโดยเสมอเหมือนกันหมด เฝ้าดูแลอยู่เป็นเพื่อนเจ้าของไข้ และอยู่เป็นกำลังใจแก่คนป่วย บางครั้งกลับวัดก็เกือบสว่างก็เคยมี หรือบางรายเห็นอาการเพียบหนัก ท่านก็มิได้หน่วงเหนี่ยวไว้ เมื่อเหลือวิสัยของท่านแล้ว ก็แนะนำให้ไป หรือนำไปส่งเองถึงโรงพยาบาลโดยมิได้ทอดทิ้ง
มีบางรายที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า สมัยนั้นไม่มีหมอฉีดยารักษา ท่านเฝ้าไข้จนสว่างๆ ทุกคืน คนไข้ถ่ายอุจจาระไม่ออก ร้องโอดโอยครวญคราง ท่านก็อุตส่าห์เหลาไม้ไผ่บางๆ ค่อยๆ แคะอุจจาระของคนไข้ออกทีละน้อยๆ เป็นชั่วโมงๆ
เมื่ออุจจาระแข็งๆ ที่อุดขวางอยู่ออกแล้ว ส่วนที่เหลวก็พุ่งออกมาเปรอะเปื้อนเนื้อตัวท่านก็เคยมี (คนเล่ายังมีชีวิตอยู่จนปัจจุบันนี้)
มาตอนสมัยที่การคมนาคมสะดวกแล้ว ผู้คนรู้จักใช้ยาฉีดแผนปัจจุบัน ท่านก็เลิกการรักษาพยาบาลตามแบบฉบับของท่าน
หลวงพ่อพ่วงปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ เวลา ๑๔.๑๙ น. นับรวมสิริอายุได้ ๗๙ ปี ๖ เดือน ๖ วัน ๕๙ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๘ เพื่อแจกในคราวฉลองอายุหลวงพ่อครบ ๖๐ ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อพ่วงครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดบ่อตะกั่ว" ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อพ่วง"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "อายุครบ ๖๐ ปี ๒๔๙๘"
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม รุ่นสอง
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๐๖ เพื่อแจกในคราวฉลองตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว นครปฐม รุ่นสอง ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เนื้อทองแดงรมดำ |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อพ่วงครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดบ่อตะกั่ว" ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อพ่วง"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "งานฉลองอุปัชฌาย์ ๒๕๐๖"
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม รุ่น ๓
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๐ เพื่อแจกในคราวฉลองอายุหลวงพ่อครบ ๖ รอบ (๗๒ ปี) ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้ออัลปาก้า และเนื้อทองแดงเพียงเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว นครปฐม รุ่น ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้ออัลปาก้า |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว นครปฐม รุ่น ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อพ่วงครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "วัดบ่อตะกั่ว" ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อพ่วง"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "อายุครบ ๖ รอบ ๒๕๑๐"
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่วพุทธาราม รุ่น ๔
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๕ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อพ่วง วัดบ่อตะกั่ว นครปฐม รุ่น ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อพ่วงครึ่งองค์หันข้าง องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่ บนรูปหลวงพ่อมีอักขระยันต์ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อพ่วง"
ด้านหลัง ตรงกลางเหรียญมีรูปจำลองพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ขอบเหรียญมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หล่อพระประธาน ๒๕๑๕"
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อนาค วัดห้วยจระเข้ นครปฐม เจ้าของพระเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อเมฆพัดของไทย
- ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก พระเกจิชื่อดังหนึ่งในพระเบญจภาคีเหรียญหล่อเมืองไทย
ไม่มีความคิดเห็น