โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม เจ้าของเหรียญหายากของนครปฐม

ภาพถ่ายหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม
หลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม

         หลวงพ่อบิน วัดวังตะกู หรือ พระอธิการบิน อิสสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะกู ตำบลวังตะกู อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

         หลวงพ่อบิน พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านสร้อยฟ้า ตำบลขนอน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๔ ปีเถาะ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๑๑ แต่ไม่ปรากฏชื่อของโยมบิดาและโยมมารดาของท่าน

         หลวงพ่อบิน ท่านมีเชื้อสายมอญโพธาราม มีจำนวนพี่น้อง ทั้งหมด ๔ คน โดยท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ปรากฏเพียงชื่อพี่น้องร่วมสายเลือด ดังนี้

         ๑. นางเชื่อม ฟุ้งเปีย

         ๒. นางชื่น กรุ่นทิพย์

         ๓. พระอธิการสุบิน อิสสโร

         ๔. นางทรัพย์ เนมิ

         ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ หลวงพ่อบินมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดสร้อยฟ้า ตำบลสร้อยฟ้า อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้รับฉายาว่า "อิสสโร" โดยมี

         พระครูศรัทธาสุนทร (กล่อม) วัดขนอน เป็นพระอุปัชฌาย์

         หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดสร้อยฟ้าเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย บทสวดมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ 

         หลังจากที่ท่านได้ศึกษาวิชาต่างๆมาพอสมควรแล้ว ท่านจึงได้ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ จนมาอยู่จำพรรษาที่วัดวังตะกู ซึ่งขณะนั้นมีพระอาจารย์จันทร์เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด

         ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ พระอธิาการจันทร์ได้มรณภาพลง ชาวบ้านแลคณะสงฆ์จึงยกให้หลวงพ่อบินรักษาการเจ้าอาวาส

         ปี พ.ศ. ๒๔๔๗ หลังจากที่หลวงพ่อบินรักษาการเจ้าอาวาสได้ ๑ ปี คณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อบินขึ้นเป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง

         วัดวังตะกู เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่บ้านวังตะกู หมู่ที่ ๒ ตำบลวังตะกู อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๔๖ ไร่ ๒ งาน

         วัดวังตะกู ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗ เดิมมีชื่อวัดว่า "วัดจันทาราม" ตามชื่อพระอธิการจันทร์เจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มสร้างวัด แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้บริจาคที่ดินสร้างวัด  

         ในสมัยนั้นวัดตั้งอยู่ริมคลองหน้าวัดมีต้นตะกูขึ้นเป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงตั้งชื่อตำบลว่า ตำบลบางตะกู วัดจึงอนุโลมตามชื่อของตำบลเพราะบริเวณนี้มีเพียงวัดเดียว เป็น วัดบางตะกู 

         ถึงกระนั้นมีระบุไว้ในโฉนดที่ดินเมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ ว่า "วัดเก่า" (คู่กับ "วัดใหม่" คือ "วัดใหม่ปิ่นเกลียว") ภายหลังมีผู้เปลี่ยนคำนำหน้าจากบางมาเป็นวัง เพื่อให้คล้องกับตำบลวังกะพีที่อยู่ใกล้กัน จึงได้ใช้ชื่อว่า "วัดวังตะกู" นับจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน

         ภายในวัดมีพระประธานประจำอุโบสถหลังใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดกลาง สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๙ นิ้ว สูง ๓๗ นิ้ว สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ มีรูปหล่อพระอัครสาวกอยู่เบื้องซ้ายขวา สูง ๖๔ นิ้ว กว้าง ๒๓ นิ้ว

         รูปหล่อเหมือนหลวงปู่บิน อิสสโร อดีตเจ้าอาวาส รูปหล่อพระมหากัจจายนะ พระศรีศากยมุนี และสมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ์ไตรรัตนญาณมณีนพรัตน์นคราปฐมาภรณ์

         วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๑๓.๖๐ เมตร ยาว ๒๑.๖๐ เมตร ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๓ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร มีรายนามเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามดังนี้

         ๑. พระอธิการจันทร์ พ.ศ. ๒๔๓๗ - ๒๔๔๖

         ๒. หลวงพ่อบิน อิสสโร พ.ศ. ๒๔๔๗ - ๒๔๙๘ (มรณภาพ ๒๕๐๓)

         ๓. พระธรรมเสนานี (ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๖๒

         ๔. พระครูปฐมภาวนาภิรัต (พรหมลิขิต ยโสธโร)  พ.ศ. ๒๕๖๒ - ปัจจุบัน

ภาพถ่ายหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม
หลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม

         หลังจากที่หลวงพ่อบินได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

         ท่านได้สร้างศาลา หอฉัน หอระฆัง กุฏิ และเจดีย์ไว้ที่บริเวณทิศทั้ง ๔ ของพระอุโบสถ ภายหลังได้ถูกรื้อถอนไปจนหมดสิ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านได้ก่อสร้างพระอุโบสถ หน้าบันประดับด้วยเครื่องลายคราม

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้ทำเรื่องขอวิสุงคามสีมา

         ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านทุพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติงานในด้านพระพุทธศาสนาได้ จึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส

         คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อบินมีโยมมารดาที่เป็นเครือญาติกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และท่านได้เป็นศิษย์หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงพ่อกลั่น วัดพระประโทน และหลวงพ่อนิ่ม วัดม่วงตารศ

         โดยท่านสำเร็จวิชาผงอิทธิเจ จนเป็นที่เลื่องลือในคุณวิเศษด้านนี้เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อสุข วัดห้วยจระเข้ และหลวงพ่อพูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว มาแลกเปลี่ยนวิชาอยู่บ่อยครั้ง (ได้รับการบอกเล่าจากหลานสะใภ้ของท่าน คือนางสละ ฟุ้งเปีย ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๒ อายุ ๙๗ ปี)

         โดยเฉพาะหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จะมีความสนิทสนมกับท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านจะขี่ม้าไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ จนถึงช่วงหลวงพ่อบินชราภาพแล้วท่านได้พลัดตกจากหลังม้า ทำให้ท่านล้มป่วยด้วยอาการกระดูก

         จึงไม่สามารถปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้สะดวก จึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ โดยมีพระธรรมเสนานี ชุณห์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะกูต่อจากท่าน

         หลวงพ่อบินจำพรรษาเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ นับรวมสิริอายุได้ ๙๒ ปี ๗๒ พรรษา.

         ในวันฌาปนกิจศพของท่าน ได้เกิดปาฏิหาริย์สังขารของท่านเผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ จนทางหลวงพ่อชุณห์เจ้าอาวาสวัดวังตะกูในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้นายฮก เกิดแป๋ ผู้เป็นสัปเหร่อทำการนำสังขารของท่านจะต้มในกระทะใบบัว

         เพื่อเลาะเนื้อออกจากกระดูก แล้วจึงนำกระดูกมาเผาไฟอีกครั้งจึงจะสำเร็จ ปัจจุบันเถ้าอัฐิของท่านได้ถูกบรรจุไว้ในรูปหล่อที่ทางวัดจัดสร้างไว้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สำหรับให้ชาวบ้านและศิษย์ที่นับถือกราบไหว้สักการะบูชาต่อไป.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู

         เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถของทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงรมดำเพียงชนิดเดียวเท่านั้น (พบเจอที่บ้านคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้องเขยท่านนำไปแจกให้กับชาวบ้านที่ร่วมบริจาคเงินสร้างอุโบสถ จำนวนการสร้าง ๒๐๐ เหรียญ

เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก 2492 ทองแดงรมดำ
เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เนื้อทองแดงรมดำ ของคุณทวีป ไพบูลย์

         ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อบินครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "อิสฺสโร" ซึ่งคือฉายาของท่าน

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์สี่อ่านได้ว่า "นะ มะ พะ ทะ" 

         พระลำพูนดำหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เพื่อสมณาคุณแก่ศิษย์ที่นับถือ ในการซื้อหีบศพถวายหลวงพ่อ (เนื่องด้วยช่วงนั้นท่านมีอาการอาพาธเดินไม่ได้ เพราะตกจากหลังม้าที่ท่านขี่ไปหาหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง) ลักษณะเป็นพระเนื้อผงอิทธิเจสีออกดำรูปสามเหลี่ยมปลายมน มีการสร้างด้วยเนื้อผงอิทธิเจและผงต่างๆ ท่านหลวงพ่อบินได้รวบรวมไว้ (ประสบการณ์ด้านเมตตา พบเจอน้อยเนื่องจากถูกนำไปเล่นหาเป็นพระพิมพ์เม็ดบัว หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก) จำนวนการสร้างประมาณ ๒๐๐ องค์

พระลำพูนดำหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก 2492 ผงอิธิเจ
พระลำพูนดำหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เนื้อผงอิทธิเจ

         ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธประทับนั่งปางสมาธิ มีเส้นกรอบล้อมรอบ

         ด้านหลัง ไม่ปรากฏอักขระใดๆ

         เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู รุ่นสอง

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยหลวงพ่อชุณห์เจ้าอาวาสรูปถัดมา เพื่อแจกในงานฌาปนกิจศพของหลวงพ่อบิน ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่น 2 2504 ทองแดงผิวไฟ
เหรียญหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่น ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ เนื้อทองแดงผิวไฟ

         ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อบินครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อสุบิน อิสฺสโร" 

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์สี่อ่านได้ว่า "นะ มะ พะ ทะ" ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พ.ศ. ๒๕๐๔" 

         ภาพถ่ายกระดาษหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์สร้างชานคอนกรีตพระอุโบสถของวัด ลักษณะเป็นภาพถ่ายกระดาษสี่เหลี่ยม หลวงพ่อบินอธิฐานจิตเดี่ยว จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

ภาพถ่ายกระดาษหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก 2493
ภาพถ่ายกระดาษหลวงพ่อบิน วัดวังตะกู นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๓

         ด้านหน้า จำลองเป็นรูปถ่ายหลวงพ่อบินครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึก หลวงพ่อสุบิน อิสสโร ในงานสร้างชานคอนกรีต พระอุโบสถ วัดวังตะกู" 

         ด้านหลัง เรียบไม่ปรากฏอักขระใดๆ


ข้อมูล : พัศณัฐพงศ์ ฟุ้งเปีย

โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม

บทความที่เกี่ยวข้อง

    ***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

    ไม่มีความคิดเห็น