ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อเบี้ย (พระครูสาครญาณ) วัดไทรทอง เพชรบุรี
 |
| หลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี |
หลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง หรือ พระครูสาครญาณ อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรทอง ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
พระครูสาครญาณ ท่านมีนามเดิมว่า เบี้ย นามสกุล แพทยกุล พื้นเพเป็นชาวบ้านหมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่อวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ โยมบืดาชื่อนายแป๊ะ แพทยกุล โยมมารดาชื่อนางหลิม แพทยกุล มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน รวม ๓ คน คือ
๑. นายอยู่ แพทยกุล
๒. พระครูสาครญาณ (หลวงพ่อเบี้ย แพทยกุล)
๓. นางย้อย (ไม่ทราบนามสกุล)
ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ หลวงพ่อเบี้ยมีอายุประมาณ ๑๓ ปี โยมบิดาได้พาไปฝากกับพระสุวรรณมุนี (ฉุย) วัดคงคาราม เพชรบุรี เพื่อให้เข้ารับการศึกษา
ปี พ.ศ. ๒๔๖๙ หลวงพ่อเบี้ยมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดกุฏิ ตำบลท่าแร้ง อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ได้รับฉายาว่า "ธมฺมจาโร" โดยมี
พระครูวิสุทธิเมธาจารย์ (กรานต์ ธรรมโชติ) วัดคงคาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อนิล วัดกุฏิ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดกุฏิเรื่อยมา เพื่อศึกษาวิชาอาคมและพระธรรมวินัยกับหลวงพ่อนิงจนมีความรู้พอสมควร
ต่อมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดคงคาราม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม กับสำนักเรียนวัดคงคาราม จนสามารถสอบนักธรรมตรี และนักธรรมโท ได้ตามลำดับ
ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสํานักเรียนวัดไทรทอง เป็นกรรมการศึกษา และอุปการะโรงเรียนวัดไทรทอง และเป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง
ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดคงคาราม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี และในปีเดียวกันนี้ หลวงพ่อเขียว เจ้าอาวาสวัดไทรทองได้ลาสิกขาบท คณะสงฆ์จึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อเบี้ยให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดไทรทอง เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๔ ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
วัดไทรทอง ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อสมอ มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก สันนิษฐานว่าวัดนี้น่าจะมีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี จากหลักฐานที่ปรากฏ เช่น เจดีย์เก่า อิฐมอญ และโบราณวัตถุอื่นๆ
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยของหลวงพ่อเบี้ย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพลเอกสำราญ แพทยกุล ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่าน และมีการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด
วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๖.๕ เมตร ยาว ๖๓ เมตร มีเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามดังนี้
๑. พระสมอ
๒. พระแลง
๓. พระหนุ่ม
๔. พระเขียว
๕. พระครูญาณสาคร (เบี้ย ธมฺมจาโร) พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๒๕๑๖
๖. พระรวม พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๒๕๒๒
๗. พระอธิการชลอ ปุญญกโร พ.ศ. ๒๕๒๓ - ปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อเบี้ยได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
 |
| ข่าวเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี |
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่ พระครูสาครญาณ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ตอนที่ ๖๗ เล่ม ๖๗ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบางขุนไทร
ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ สร้างศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้ยกพื้น
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างหอสวดมนต์
หลวงพ่อเบี้ย ท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัด พระธรรมวินัย สามารถท่องบ่นธรรมวัตรปาฏิโมกข์ได้อย่างแตกฉาน เป็นนักเทศน์ที่มีท่วงทำนองไพเราะจับใจ ท่านมีความวิริยะอุตสาหะอย่างยอดเยี่ยม มีเมตตาธรรม
ท่านได้เจริญภาวนาวิปัสสนากรรมฐาน ได้ออกธุดงค์ไปตามท้องที่ต่างๆ เพื่อฝึกจิตจนเป็นเกจิอาจารย์เป็นที่เลื่อมใสแก่บรรดาสานุศิษย์ในเวลาต่อมา พระครูสาครญาณเป็นบุพพาจารย์ ที่ควรยึดถือเป็นเยี่ยงอย่างได้ เพราะท่านมีธรรมประจําใจ มีความแน่วแน่ มั่นคงในธรรมปฏิบัติ ๕ ประการด้วยกัน คือ
๑. ปฏิบัติตามพระวินัย เป็นของดีหรือไม่ดี หรือว่าเป็นของเศรษฐีมั่งมีหรือยากจน แม้เงินทอง หลวงพ่อไม่เคยแตะต้องอย่างเด็ดขาด หลวงพ่อเป็นผู้มีความเพียรพยายามเป็นเลิศ
๒. วิริยะภาพ เพียงพรรษาแรกเท่านั้น ท่านสามารถสวดปาฏิโมกข์ได้จบ ผู้ที่นับถือและเลื่อมใสท่าน ไม่ว่าจะประกอบการงานใดจะต้องนิมนต์ท่านไว้ล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เพราะมีประชาชนนิมนต์หลวงพ่อมากมายจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่หลวงพ่อไม่เคยขัดนิมนต์ ถึงแม้จะต้องเดินด้วยเท้าไกลแสนไกล ไม่ว่าแดดจะร้อนฝนจะตก หลวงพ่อไปทันงานเสมอ
๓. การมีสมาธิ หลวงพ่อท่านเป็นผู้มีจิตตั้งมั่น เด็ดเดี่ยวมุ่งหน้าไปทางธรรมะด้วยความสงบ ถึงกับถวายชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนา จะเห็นได้จากเวลาท่านนั่งปลุกเศกเครื่องลางของขลัง มักศักดิ์สิทธิ์และบังเกิดผลดี เป็นศิริมงคลแก่ผู้นำไปใช้ในทางที่ดีที่ควรทุกคน
๔. สัจจะ หลวงพ่อยึดมั่นในสัจจะกิจการใดที่อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ท่านจะทำด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ
๕. ละโมก หลวงพ่อมักทําตัวเป็นศัตรูต่อความโลภไม่เคยยินดียินร้ายต่อลาภยศสรรเสริญ จะเห็นได้จากการที่คณะกรรมการขอพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นชั้นโท - เอก ท่านห้ามเด็ดขาด
ท่านบอกว่าเป็นสงฆ์จะเอายศฐาบรรดาศักดิ์ไปไหนกัน เราอยู่แค่นี้ก็ดีอยู่แล้ว การมียศฐาบรรดาศักดิ์มันไม่ช่วยให้เราดับทุกข์ไปได้ การดับทุกข์อยู่ที่การบำเพ็ญ - ธรรมวินัย และการเจริญภาวนาต่างหากไม่มีความสุขอื่นใดในโลกที่จะเสมอเหมือนความสงบ
ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ที่ท่านยกตัวอย่างมาอ้างกับศิษย์อ้อนวอนไม่ไหว ท่านจึงยอมให้ขอพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นวันพระราชทานสมณศักดิ์ท่านก็มรณภาพพอดี
หลวงพ่อเบี้ย ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ เวลา ๐๗.๐๐ น. นับรวมสิริอายุได้ ๖๗ ปี ๔๗ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง
เหรียญหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
 |
| เหรียญหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
 |
| เหรียญหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองแดงผิวไฟ |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเบี้ยครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ เหนือรูปหลวงพ่อมีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "ธมฺมจาโร" ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสาครญาณ วัดไทรทอง"
ด้านหลัง ตรงกลางเป็นยันต์อ่านได้ว่า "อะ ระ หัง พุท โธ มะ อะ อุ" ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "๒๕๐๐"
เหรียญหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง รุ่นสอง
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เพื่อแจกในงานทำบุญอายุครบ ๖๐ ปี ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้ออัลปาก้าเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
 |
| เหรียญหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี รุ่น ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้ออัลปาก้า |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเบี้ยครึ่งองค์ห่มจีวรคลุมไหล่ ขอบเหรียญมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสาครญาณ ธมฺมจาโร(เบี้ย) วัดไทรทอง"
ด้านหลัง ตรงกลางเป็นยันต์อ่านได้ว่า "พุท โธ มะ อุ อะ นะ" ที่ขอบเหรียญมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึกในงานทำบุญอายุ ครบ ๕ รอบ พ.ศ. ๒๕๑๐"
แหนบหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เพื่อแจกในงานทำบุญอายุครบ ๖๐ ปี ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นแผ่นปั๊มโลหะรูปกรงจักรเชื่อมด้วยแหนบอัลปาก้า มีการสร้างด้วยเนื้อเงินแต่ตัวแหนบเป็นเนื้ออัลปาก้าเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
 |
| แหนบหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อเงินก้านอัลปาก้า |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเบี้ยครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ รอบรูปหลวงพ่อมีอักขระนัต์ มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูสาครญาณ"
ด้านหลัง ไม่ปรากฏอักขระใดๆ
สมเด็จหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง รุ่นแรก
สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นพระพิมพ์สมเด็จฐาน ๓ ชั้น สร้างจากเนื้อผงพุทธคุณที่หลวงพ่อเบี้ยสะสมไว้ผสมกับผงอิทธิ ผงปถมัง ที่หลวงพ่อลบผงเอง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
 |
| สมเด็จหลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เนื้อผงพุทธคุณ ของคุณมิ้น หน้าศาล |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระสมเด็จหูบายศรีอกผ่า ฐาน ๓ ชั้น
ด้านหลัง เรียบไม่มีอักขระใดๆ
ตะกรุดไหม ๗ สี หลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง
สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เพื่อแจกให้กับศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นตะกรุดจารด้วยอักขระต่างๆ แล้วม้วนเป็นตะกรุดสอดด้วยไหม ๗ สี จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
มูลเหตุของการสร้างตะกรุดนั้นเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อเบี้ยได้รับนินมต์ไปปฏิบัติศาสนกิจยังพื้นที่ภาคใต้ ขากลับหลวงพ่อรู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูก จึงให้คนขับรถแวะกราบนมัสการหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี
หลังจากที่หลวงพ่อได้กราบนมัสการ หลวงพ่อในกุฏิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เจอชายผู้หนึ่งนุ่งขาวห่มขาว มายืนรอหลวงพ่ออยู่ก่อนแล้ว และได้พูดกับหลวงพ่อว่า มารอเจ้าของนานแล้ว พร้อมยืนตำราให้ ซึ่งในนั้นเป็นตำราการสร้างตะกรุดไหม ๗ สีนั้นเอง
 |
| ตะกรุดไหม ๗ สี หลวงพ่อเบี้ย วัดไทรทอง เพชรบุรี ของคุณนพรัตน์ คลุมทอง |
เมื่อหลวงพ่อรับมาแล้ว บอกว่าขอเอากลับไปศึกษาที่วัดเป็นเวลา ๗ วันแล้วจะนำตำรามาคืนให้ แล้วจึงขึ้นรถเดินทางกลับมายังวัดไทรทอง ด้วยความที่หลวงพ่อมีความแตกฉานสรรพวิชาต่างๆ หลวงพ่อจึงใช้เวลาเรียนเพียง ๓ วันเท่านั้น ก็สามารถเรียนรู้ตำราเล่มนั้นจนหมดสิ้น
หลวงพ่อจึงเดินทางกลับไปวัดกุยยบุรีอีกครั้งเพื่อนำหนังสือไปคืน แต่ปรากฎว่าไม่เจอชายผู้นั้นอีก ถามคนในวัดก็ไม่เคยมีใครพบหรือเห็นชายลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อก็ได้สร้างตะกรุดนี้เพื่อแจกให้ลูกศิษย์ของท่าน แต่ด้วยวิธีสร้างที่ยากมาก เพราะต้องจารแผ่นตะกรุดทั้งทองแดงและตะกั่วถึง ๒ ชั้น และยังมีไหม ๗ สีอีก
จึงทำให้ตลอดชีวิตท่านสร้างขึ้นมาหลักสิบดอกเท่านั้น จึงเป็นของดีเป็นเอกลักษณ์ที่ใครมีก็ต่างหวงเป็นอย่างมาก
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น