ประวัติและวัตถุมงคลพระครูวิธุระสุตาคม หรือ หลวงพ่อก๋ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี
![]() |
| หลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี |
หลวงพ่อก่ำ วัดประคูสาร หรือ พระครูวิธรสุตาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูสาร ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
พระครูวิธรสุตาคม ท่านมีนามเดิมว่า ก่ำ สุวรรณเนตร พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านข้างวัดประตูสาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ปีมะโรง โยมบิดาชื่อนายตา สุวรรณเนตร โยมมารดาชื่อนางทับทิม สุวรรณเนตร มีพี่น้อง ๔ คน คือ
๑. นางอ่ำ
๒. นายโก๋
๓. นางอ่อง สำราญสุข
๔. พะครูวิธุรสุตาคม(ก๋ำ)
ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ หลวงพ่อก่ำ มีอายุ ๒๒ ปี ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดประตูสาร ตำบลรั้วใหญ่(ท่าพี่เลี้ยง) อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี
หลวงพ่อดี วัดประตูสาร เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดประตูสารเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย บทสวดมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ กับพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๔๕๑ หลังจากที่หลวงพ่อก่ำจำพรรษาได้ ๗ พรรษา พี่เขยท่านเจ็บหนัก โยมผู้ชายก็แก่มากแล้ว ท่านจึงต้องลาสิกขาบทไปดูแลเพื่อให้โยมผู้ชายได้อุปสมบท ทั้งๆ ที่ชาวบ้านร้านตลาดยังอาลัยถึงท่านอยู่ และตัวท่านเองก็ยังไม่อยากลาอุปสมบท
แต่เพื่อช่วยเหลือทางบ้าน และเปิดโอกาสให้โยมผู้ชายของท่านได้อุปสมบท ต่อมาพี่เขยของท่านหายเป็นปกติแล้ว และโยมผู้ชายของท่านได้อุปสมบทแล้ว ท่านจึงหมดซึ่งภาระทางโลกไปโดยปริยาย
ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ หลังจากที่หลวงพ่อก่ำท่านลาสิกขาไปดูแลบ้านอยู่ ๓ ปี ท่านจึงกลับมาอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ ณ พัทธสีมาวัดประตูสาร ตำบลรั้วใหญ่(ท่าพี่เลี้ยง) อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับฉายาว่า "คงฺคสุวณฺโณ" โดยมี
พระครูวิบูลย์เมธาจารย์(หลวงพ่อภู) วัดประตูสาร เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดประตูสารเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย บทสวดมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ กับพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ หลวงพ่อภูเจ้าอาวาสวัดได้มรณภาพลง ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงยกให้หลวงพ่อก่ำรักษาการเจ้าอาวาส
ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลังจากที่หลวงพ่อก่ำรักษาการเจ้าอาวาสวัดได้ ๖ ปี ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อก่ำขึ้นเป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
วัดประตูสาร เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒/๔ บ้านประตูสาร ถนนขุนช้าง ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๘๓ ตารางวา
วัดประตูสาร ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๓ เป็นวัดเก่าแก่ ไม่ปรากฏนามผู้สร้างและผู้บริจาคที่ดิน สมัยโบราณพื้นที่ตั้งวัด เคยเป็นเพนียดคล้องช้าง ควาญช้างจะไล่ต้อนช้างมาจากป่าและลงน้ำที่ท่าน้ำบริเวณวัด จึงเป็นที่มาของชื่อวัด
วัดได้รับการพัฒนาและบูรณะมาโดยตลอด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๘๐ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔ เมตร ยาว ๑๘ เมตร มีรายนามเจ้าอาาสปกครองวัดเท่าที่ทราบนามคือ
๑. พระง่อย
๒. พระดี
๓. พระครูวิบูลย์เมธาจารย์(ภู)
๔. พระครูวิธุระสุตาคม (ก่ำ สุวรรณเนตร คงฺคสุวณฺโณ) พ.ศ. ๒๔๗๑ - ๒๕๐๕
๕. พระครูพิศิษฐ์สมณการ (ทอง จ้อยศรีเกตุ ญาณสิทฺโธ) พ.ศ. ๒๕๐๖ - ๒๕๔๕
๖. พระครูพิพัฒน์สุวรรณสาร (บุญช่วย ศรีโมรา ปวฑฺฒโน) พ.ศ. ๒๕๔๕ - ปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อก่ำได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ อาทิเช่น
ปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าคณะหมวดรั้วใหญ่ หรือเจ้าคณะตำบลในปัจจุบัน
ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้ปฏิสังขรณ์พระวิหารโดยรื้อของเก่าที่ทรุดโทรมออก แล้วสร้างใหม่เป็นตึกก่ออิฐหินปูนหลังคามุงกระเบื้องเคลือบให้เหมือนปัจจุบัน
ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้รับตราตั้งเป็นอุปัชฌาย์
![]() |
| ข่าวเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี |
ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นตรี ที่ "พระครูวิธุรสุตาคม" เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เล่ม ๕๓ หน้า ๔๐๐๑
ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ได้ดัดแปลงโบสถ์เก่าซึ่งเดิมทีพาไลด้านหน้าเป็นเพิงลาด และหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ให้พาไลด้านหน้าเป็นจั่วมีช่อฟ้าหน้าบันเปลี่ยนจากกระเบื้องดินเผาเป็นกระเบื้องเคลือบเพื่อให้เป็นแบบเดียวกันกันพระวิหารซึ่งอยู่ใกล้กัน
ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญ เป็นอาคารไม้ กว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๓๖ เมตร เสาทุกต้นปิดด้วยลายทอง ยกเว้นเสาระเบียง
ในด้านการศึกษา นับย้อนหลังไปประมาณ ๕๐-๖๐ ปี สมัยแรกที่หลวงพ่อก่ำท่านอุปสมบท วัดต่างจังหวัดหรือเรียกว่าวัดบ้านนอก ไม่มีการศึกษาธรรมวินัยเหมือนสมัยนี้ ท่านจึงไม่มีโอกาสเรียนกับเขา
สมัยนั้นเพียงท่องหนังสือสวดมนต์ได้มากๆ ก็อยู่ในขั้นดีแล้ว และปรากฏว่าหลวงพ่อก่ำท่านท่องได้มากและแม่นยำอีกด้วย
เมื่อท่านไม่มีโอกาสได้เล่าเรียน ท่านก็พยายามส่งเสริมให้ลูกหลานหรือศิษยานุศิษย์ ในการปกครองของท่านได้มีโอกาสเล่าเรียน จะเห็นได้อย่างชัดๆ เช่น
ในวัดของท่านเอง ได้จัดการเปิดโรงเรียนนักธรรม ให้มีการศึกษาพระธรรมวินัย ส่วนการศีกษาแผนกภาษาบาลีในวัดของท่านเองไม่มี ท่านกีพยายามรับพระรับเณรไว้ แล้วส่งให้ไปเรียนที่วัดสุวรรณภูมิ เสมอ
จนปรากฏว่าสอบไล่ได้เป็นเปรียญ ๓ ประโยค ๔ ประโยคก็มี หลวงพ่อก่ำท่านเคยพูดเสมอว่า "เราโง่แล้ว ส่งเสริมคนอื่นให้ เขาฉลาดบ้าง จักได้เป็นบุญเป็นกุศลต่อไป" นับว่าท่านสนใจการศึกษาเป็นพิเศษ สมควรเป็นเนตติแบบอย่างของคนรุ่นหลังสืบไป
คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อก่ำท่านตื่นขึ้นครองผ้าในตอนเช้ามือนั่งสวดมนต์ภาวนาจนรุ่งอรุณแล้วกวาดวัดทุกวันมิได้ขาด เสียงของหลวงพ่อกังวานและแจ่มใสมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งในคราวประชุมเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่กรุงเทพ
ท่านได้สวดมนต์ทำวัตรร่วมกับเจ้าอาวาสทั้งหลาย เสียงของท่านดังกลบเสียงพระองค์อื่นๆ หมด ทำให้เป็นจุดเด่นและเป็นที่สนใจของสมเด็จพระสังฆราชมาก
ยิ่งกว่านั้นหลวงพ่อยังมีมนต์ขลังในทางรักษาฝี ด้วยใช้วิธีตะปูตอกเสา เพียงรู้ชื่อผู้ป่วยและตำแหน่งที่เป็นฝีเท่านั้นท่านก็สามารถทำให้ฝียุบได้ภายใน ๓ วัน ๗ วัน
อีกทั้งท่านยังมีมนต์ขลังในทางทำน้ำมนต์อีกด้วย และมีญาณวิเศษสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตของคนที่ท่านรดน้ำมนต์ด้วยการดูจากเทียนที่ท่านหยดลงในน้ำมนต์
ส่วนของขลังของหลวงพ่อมีตะกุดโทนในทางอยู่ยงคงกระพัน และยิ่งกว่านั้นท่านยังส่งเสริมการศึกษา เนื่องจากท่านไม่ได้เรียนหนังสือจึงให้การสนับสนุนคนอื่นเรียน
และถ้าผู้ใดได้รับพรจากท่านจะได้รับความเจริญทุกคนเพราะเป็นพรที่ศักดิ์สิทธ์มากหากผู้นั้นไม่ประพฤติเกเรจะได้ดีทุกคนถ้าใครถูกหลวงพ่อด่าว่า "อ้ายระยำ" คนผู้นั้นจะไร้โชควาสนาเป็นคนอาภัพไปจนตาย
หลวงพ่อก่ำ ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ นับรวมสิริอายุได้ ๘๓ ปี ๕๑ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร
เหรียญหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เพื่อแจกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลืองเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
| เหรียญหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นแรก (บล็อกหูตัน) ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองเหลือง |
![]() |
| เหรียญหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองเหลือง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อก่ำนั่งเต็มองค์มือจับที่หัวเข่า องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูวิธุรสุตาคม"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระเลขไทยเขียนว่า "๒๕๐๐" ซึ่งคือปีที่สร้างเหรียญ
เหรียญหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร รุ่นสอง
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยหลวงพ่อทองเจ้าอาวาสในสมัยนั้น เพื่อแจกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลืองเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
| เหรียญหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นสอง ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองเหลือง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อก่ำนั่งเต็มองค์มือจับที่หัวเข่า องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูวิธุรสุตาคม"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระเลขไทยเขียนว่า "๒๕๑๕" ซึ่งคือปีที่สร้างเหรียญ
รูปหล่อปั๊มหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยหลวงพ่อทองเจ้าอาวาสในสมัยนั้น เพื่อแจกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นรูปหล่อปั๊ม มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลืองเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
| รูปหล่อปํ๊มหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองเหลือง |
![]() |
| รูปหล่อปํ๊มหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เนื้อทองเหลือง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อก่ำนั่งสมาธิเต็มองค์บนฐานเขียง องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต ที่ฐานเขียงมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อก่ำ"
ด้านหลัง ที่ฐานเขียงมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูวิธุรสุตาคม" ใต้ฐานมีรอยอุดกริ่งด้วยทองแดง
ผ้ายันต์ธงหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เพื่อแจกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นผ้ายันต์ทรงสามเหลี่ยมชายธง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
| ผ้ายันต์ธงหลวงพ่อก่ำ วัดประตูสาร สุพรรณบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อก่ำนั่งเต็มองค์มือจับที่หัวเข่า องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต รอบรูปหลวงพ่อมีอักขระยันต์
ด้านหลัง เรียบไม่ปรากฏอักขระใดๆ
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง








ไม่มีความคิดเห็น