โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี เหรียญหล่อหายากของเมืองสุพรรณฯ

ภาพถ่ายหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี
หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี

         หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ ตำบลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเกิดเมื่อ เดือนยี่ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๙๙ ที่บ้านท่าขนอน ตำบลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีบันทึกถึงโยมบิดาและโยมมารดาของท่าน

         ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ขณะที่หลวงพ่อกาพย์มีอายุได้ ๒๒ ปี ท่านได้เข้ารับอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านกร่าง ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑ ได้ฉายาว่า "พรหมสโร" โดยมี

         พระอธิการยม วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์  

         พระอธิการสิงห์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

         พระอธิการขำ วัดน้อยชมพู่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

         หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงพ่อกาพย์ ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดกร่าง โดยท่านเคร่งครัดอยู่ในธรรมวินัย ตั้งใจศึกษาหาความรู้ด้วยความเพียร ร่ำเรียนวิชาต่างๆจากพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณมีชื่อเสียงเกรียงไกรในสมัยนั้น

         ซึ่งหนึ่งในพระเกจิอาจารย์เรื่องชื่อในสมัยนั้นที่หลวงพ่อกาพย์เลือกเดินทางไปศึกษาวิชาอาคมด้วยก็คือพระอาจารย์เห่ง วัดจรรย์ เจ้าอาวาสองค์เก่า และหลวงพ่อขำ วัดน้อยชมพู่ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี

         หลวงพ่อกาพย์ ท่านมีสหธรรมมิกคือ หลวงพ่อผ่อง วัดยาง ท่านเป็นผู้มีความรู้ด้านเวทมนต์คาถามาก กล่าวกันว่าหลวงพ่อกาพย์และหลวงพ่อผ่องท่านจะไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชากันเป็นประจำ

         แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่เคยเห็นท่านทั้งสองเดินทางไปมาหาสู่กันเลย แต่ท่านต่างรู้ข่าวคราวซึ่งกันและกันด้วยตัวท่านเอง

         วัดจรรย์ ในอดีตจะมีป่าสมบูรณ์มากมายไปด้วยสัตว์นานาชนิด ครั้งหนึ่งมีพรานหน้าไม้ฝีมือเอกคนนึง ล่องเรือมาจากภาคเหนือ มาค้างแรมบริเวณ​วัดจรรย์ มีกระรอกป่าฝูงใหญ่กระโดดกินผลไม้ พรานฝีมือเอกคนนี้จึงซุ่มยิงแต่ไม่โดน

         ซึ่งแปลกใจทั้งที่ตนไม่เคยพลาดเป้าแบบนี้ จึงยิงอีกครั้งแต่ก็ไม่โดนตามเคย พรานก็ไม่ละความพยายาม​จึงตั้งหน้าตั้งตายิงกระรอกในป่าวัดจรรย์ จนลูกดอกที่พกมาหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ จนช้ำใจในฝีมือตัวเอง ก็ไปเล่าให้ชาวบ้านใกล้กับที่พักฟัง 

         จึงได้ทราบว่าไม่เคยมีใครล่าสัตว์ในป่าวัดจรรย์ได้ เนื่องจากไม่เคยได้กลับไปสักตัวเดียว ชาวบ้านจึงแนะนำให้ว่าลองไปยิงกระรอกป่าที่ห่างออกไปดูท่านจะรู้เอง 

         เช้ารุ่งขึ้นพรานจึงลองไปยิงกระรอกป่าที่ห่างออกไป และโดนทุกดอกได้มาหลายตัว จึงทำให้พรานนึกถึงบารมีหลวงพ่อกาพย์ที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า สัตว์ในป่าวัดจรรย์นี่ไม่เคยมีผู้ใดยิงได้เลยเพราะบารมีของหลวงพ่อกาพย์นี้เอง

         มีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งเล่ากันต่อมาว่า มีชาวบ้านได้นำนกกระทุงมาถวายให้ท่านเลี้ยงที่วัด ขณะนั้นยังเป็นนกตัวเล็ก จนมันเติบใหญ่อยู่ภายในวัดจรรย์ นกตัวดังกล่าวจึงเชื่องกับคนที่ผ่านเข้าวัดเป็นประจำ

         ซึ่งมันมักจะไปหากินนอกวัดบ้างในบางครั้ง วันหนึ่งนกกระทุงก็บินไปจับอยู่บนยอดต้นยาง ขณะเดียวกันก็มีหนุ่มอยากลองความแม่นของตัวเองจึงแบกปืนประทับบ่า ยิงนกกระทุงร่วงร่อนตกลงมา แต่มันก็พยายามบินกลับวัด 

          ชาวบ้านที่พบเห็นก็จับมันไปส่งหลวงพ่อกาพย์ที่วัด ซึ่งแปลกอยู่อย่างหนึ่งว่านกกระทุงที่ถูกยิงนี้กลับไม่มีรอยบาดแผลเลยซักนิดเดียว มีเพียงแค่รอยแดงเป็นจ้ำเท่านั้นเอง

         หลวงพ่อกาพย์ ท่านเคยเดินทางไปกิจนิมนต์ที่จังหวัดอยุธยา หลังจากที่ท่านนั่งเรือกลับ ในขณะที่ท่านล่องเรือมาถึงปากแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ซึ่งหลวงพ่อกับคณะศิษย์ที่พายเรือแจวเจอสายน้ำเชี่ยวก็ทำให้เรือส่ายไปมาทำถ้าจะล่ม 

         คณะศิษย์จึงร้องขอความเห็นจากหลวงพ่อ หลวงพ่อกาพย์จึงบอกว่า ทำใจดีๆไว้เชื่อเถอะน่ะ เรือไม่ล่มไม่จมหรอกอย่าตกใจ คณะลูกศิษย์ท่านก็โล่งใจ เพราะเชื่อในบารมีของท่านที่เคยประสบมาแล้ว เมื่อผ่านปากแม่น้ำที่เชี่ยวกราดมาได้ 

         ขณะนั้นเองก็เจอแพซุงขนาดใหญ่ พุ่งเข้ามาหาเรืออย่างรวดเร็ว แต่หลวงพ่อกาพย์ท่านก็นั่งนิ่งสงบในขณะที่ทุกคนตื่นตกใจ ไม่ถึงอึดใจแพซุงก็แหวกออกจากที่พุ่งตรงมาหาเรือ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงที่รอดตายอย่างปาฎิหารย์ เมื่อได้สติดีแล้วจึงก้มลงกราบหลวงพ่อกาพย์ เพราะทุกคนมั่นใจว่านี่คือบารมีของท่าน

         หลวงพ่อกาพย์ ท่านเป็นพระเกจิยุคเก่ารุ่นเดียวกับหลวงพ่อโหน่ง วัดดอนมะดัน และหลวงพ่อเหนี่ยง วัดสองพี่น้อง แต่ในวงการพระท่านไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก อาจเป็นเพราะว่าท่านออกวัตถุมงคลน้อยมาก ไม่ค่อยมีให้เห็นในวงการ 

         และลูกศิษย์ของท่านคือหลวงพ่อแนบ วัดจรรย์ ได้เคยทำย้อนยุคออกมาด้วย เลยทำให้สับสน แต่ของหลวงพ่อแนบพิมพ์จะไม่คมชัด พิมพ์พระจะดูตื้นกว่า

         หลวงพ่อกาพย์ ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณะภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๑ นับรวมสิริอายุได้ ๙๒ ปี ๗๑ พรรษา.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์

         พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ โดยพระเมธีธรรมสาร (หลวงพ่อไสว) เจ้าอาวาสวัดบ้านกร่าง เป็นผู้สร้าง แล้วนำมาถวายให้ท่านปลุกเสก เพื่อแจกในวันงานแซยิดครบ ๖๐ ปี ของหลวงพ่อกาพย์ ลักษณะเป็นพระพิมพ์ลีลาปลายมน มีการสร้างด้วยเนื้อทองเหลือง เนื้อชินตะกั่ว และเนื้อชินเขียว แบ่งออกเป็นพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก จำนวนการสร้างรวมกันประมาณ ๑,๕๐๐ องค์

พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี 2460 เนื้อทองเหลือง
พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง

พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี ปี พ.ศ. 2460 เนื้อทองเหลือง
พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อทองเหลือง
พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี 2460 เนื้อชิน
พระลีลาข้างกนกหลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์ สุพรรณบุรี ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชิน

         ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระปางลีลา รอบพระเศียรมีประภามณฑล พระเกตุมาลาแหลม หันองค์พระไปทางซ้าย พระอังสา(บ่า)เป็นเส้นตรง พระพาหาซ้าย(ต้นแขน)เฉียงและหักงอ พระกับปะ(ข้อศอก)ยกพระหัตถ์ซ้าย พระทับที่พระอุระ(หน้าอก) พระกรขวาอยู่ในพระอาการแกว่งไกว ประทับยืนบนฐานบัว ๕ เม็ด แต่ไม่ปรากฏอักขระใดๆ

         ด้านหลัง ในบางองค์เรียบ แต่ในบางองค์มีอักขระยันต์


โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม

บทความที่เกี่ยวข้อง

***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น