ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อชม วัดพุทไธศวรรย์ พระเกจิทรงอภิญญาแห่งเมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา
![]() |
| หลวงพ่อชม วัดพุทไธศวรรย์ อยุธยา |
หลวงพ่อชม วัดพุทไธศวรรย์ หรือ พระครูอุทเทศธรรมวินัย อดีตเจ้าคณะหมวด วัดพุทไธศวรรย์ ตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระครูอุทเทศธรรมวินัย ท่านมีนามเดิมว่า ชม กุลไพศาล พื้นเพเป็นชาวบ้านอำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ โยมบิดาชื่อนายดี กุลไพศาล โบมมารดาชื่อนางนี กุลไพศาล
ปี พ.ศ. ๒๔๓๑หลวงพ่อชมมีอายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบ้านแดง ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับฉายาว่า "พุทฺธสกกฺโต" โดยมี
พระครูทา (สันนิษฐานว่าคงจะเป็นเจ้าคณะแขวงนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านฟ้าเลื่อมเรื่อยมา เพื่อศึกษาวิชากับพระอาจารย์ โส วัดบ้านฟ้าเลื่อม ซึ่งสำนักนี้มีชื่อเสียงมากในแถบอีสาน เทียบกับอยุธยา ก็เหมือนกับสำนักวัดประดู่ทรงธรรม เทียบกับภาคใต้ ก็เหมือนสำนักเขาอ้อ
ปี พ.ศ. ๒๔๓๙ หลวงพ่อชมอุปสมบทได้แล้ว ๙ พรรษา ทราบข่าวว่าทางภาคกลางมีพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาที่ท่านสนใจ จึงได้กราบลาพระอาจารย์โส ออกเดินทางจากวัดบ้านฟ้าเลื่อม เดินธุดงค์ล่องลงมาทางใต้ จนต่อมาท่านได้ศึกษาเล่าเรียนและพักจำพรรษาอยู่ในกรุงเทพฯ
หลังจากศึกษาวิชาอยู่ที่กรุงเทพเป็นเวลานานพอสมควร หลวงพ่อชมก็ได้รับคำแนะนำว่า ที่วัดธรรมิกราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำนักเรียนทั้งด้านปริยัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน และด้านคาถาอาคม ที่มีความรุ่งเรืองเป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วไป ท่านจึงได้เดินทางขึ้นมาฝากตัวเข้าศึกษาเล่าเรียน ในสำนักวัดนี้กับหลวงพ่อฟัก (พระครูธรรมิกาจารคุณ) วัดธรรมิกราช
หลวงพ่อชมจำพรรษาและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดธรรมิกราช เพื่อศึกษาวิชากับหลวงพ่อฟัก จนมั่นใจว่ามีวิชาความรู้พอสมควรแล้ว จึงได้กราบลาหลวงพ่อฟัก ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆ ในเขตอยุธยาและท้องถิ่นใกล้เคียงอีกหลายวัด
ต่อมาพระสมุห์สังวร เจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ได้มรณภาพลง คณะสงฆ์และฝ่ายราชการบ้านเมืองนำโดย พระยาโบราณราชธานินทร์ (พรเดชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาล และ พระญาณไตรโลก ( ฉาย คงฺคสุวณฺโณ) วัดพนัญเชิง เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงเห็นพ้องกันแต่งตั้งให้หลวงพ่อชม ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่บางกะจะ
ให้ย้ายมาครองวัดพุทไธศวรรย์ ในตำแหน่งเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพราะเห็นว่า วัดพุทไธศวรรย์ นี้เป็นโบราณสถานที่ใหญ่โตและทรงความสำคัญยิ่งยวด ในเมื่อเคยเป็นพระอารามหลวงมาแต่ก่อน ด้วยความประสงค์จะให้หลวงพ่อชมบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปรางค์ พระพุทธรูปในวิหารคต (พระระเบียง) และโบสถ์
วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระอารามหลวง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๑๕/๘ บ้านคลองวัดพุทไธศวรรย์ หมู่ที่ ๔ ตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๔๖ ไร่ ๒ งาน ๔๖ ตารางวา
วัดพุทไธศวรรย์ เดิมเป็นพระตำหนักเวียงเหล็ก หรือเรียกอีกนามหนึ่งว่า "เวียงเล็ก" เป็นที่ประทับของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง เมื่อครั้งหนี้โรคระบาดมาจากสุพรรณบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๘๐ ได้ทรงสร้างเป็นที่ประทับชั่วคราวในระยะสร้างเมืองหลวงคือกรุงศรีอยุธยา
เมื่อสร้างเมืองหลวงเสร็จแล้ว ได้ทรงสถาปนาพระตําหนัก ซึ่งประกอบด้วยวิหารและพระปรางค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ให้เป็นอารามมีนามว่า "วัดพุทไธศวรรย์" ในปี พ.ศ. ๑๘๕๖ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง วันพฤหัสบดี เวลา ๒ นาฬิกา ๕ นาที (เวลา ๐๘.๓๐ น.) ถือว่าได้รับพระราชทานวิสุงคามสมาตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๕๖ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๒๐๗ เมตร ยาว ๓๘.๗๐ เมตร
ภายในวัดมี มณฑปพระปลัดซ้าย - ขวา วิหารคด และตำหนักสมเด็จพระพุทธโกษาจารย์ สำหรับปูชนี้ วัตถุมี พระประธานในอุโบสถ ๓ องค์ องค์ใหญ่พระเพลา กว้าง ๘ ศอกเศษ อีก ๒ องค์ พระเพลากว้าง ๔ ศอกเศษเท่ากัน พระพุทธรูปรองลงมามีทั้งหมด ๑๕ องค์ เป็น พระพุทธรูปปูนปั้นที่วิหารคดมีพระพุทธรูป ๑๐๘ องค์
นอกจากนี้มีพระปรางค์สูงประมาณ ๑ วา มีเจดีย์ เรือนแก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหลังเจดีย์เรือนแก้วมีพระพุทธไสยาสน์ยาวประมาณ ๕ เมตร ที่ซุ้มปรางค์ทิศตะวันตกมีพระพุทธรูปปางบ่าเลไลยก์
ซุ้มทิศเหนือเคยเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระเทพบิดร ถูกอัญเชิญไปไว้ที่กรุงเทพมหานครแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ และโปรดให้หล่อแปลงเสียใหม่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหุ้มด้วยเงินทั้งองค์ ประดิษฐาน อยู่ที่หอพระเทพบิดร
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ได้โปรดให้บูรณะองค์พระปรางค์มณฑปและวิหารคดของวัดนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ทางคณะสงฆ์ได้ให้รวมวัดนางกราย ซึ่งเป็นวัดร้างให้มาเข้ากับวัดพุทไธศวรรย์ด้วย มีรายนามเจ้าอาวาสปกครองวัดเท่าที่ทราบคือ
๑. พระอาจารย์ฟัก (ย้ายมาจากวัดธรรมิกราช)
๒. พระอาจารย์อิน (โป๋)
๓. พระครูสมุห์วอน
๔. พระครูอุทเทศธรรมวินัย (ชม พุทฺธสกกฺโต)
๕. พระอธิการสนธิ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๔๙๑
๖. เจ้าอธิการคง พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๓
๗. พระครูสาธุกิจโกศล (ยอด มนิสสโร) พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๗
๘. พระครูภัทรกิจโสภณ (หวล ภูริภัทโท) พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๖๔
๙. พระวชิรญาณ (อติโชติ ธมฺมวโร) พ.ศ. ๒๕๖๔ - ปัจจุบัน
หลังจากที่หลวงพ่อชมได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอยางสุดความสามารถทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างผลงานในด้านการก่อสร้างซ่อมแซมวัด และเสนาสนะ ต่างๆของวัดที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสวยงามคงทน
รวมทั้งท่านยังได้ปกครองบังคับบัญชาวัดหรือพระสงฆ์ในเขตที่รับผิดชอบ รวมทั้งผลงานในด้านสงเคราะห์พุทธบริษัทเกี่ยวกับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและวัตถุมงคลต่างๆ
![]() |
| ข่าวเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
ปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่พระครูอุทเทศธรรมวินัย เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๓ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๓ เล่ม ๔๗ หน้า ๒๙๑๕
คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อชมนอกจากจะเป็นพระหมอที่เก่งกาจเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพล และการทำน้ำมนต์แล้ว ท่านยังเป็นพระเกจิที่เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคม เล่ากันว่าท่านสำเร็จวิชาพญาเสือโคร่ง จากสำนักวัดบ้านฟ้าเลื่อม (วัดราศรีไศล)
ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์มาอ้อนวอนขอให้ท่านแปลงร่างเป็นเสือให้ดูเป็นขวัญตาแต่ท่านก็ปฏิเสธมาตลอด จนมีอยู่วันหนึ่งท่านอารมณ์ดี เห็นศิษย์มาพร้อมกันแล้ว จึงนั่งสมาธิชั่วอึดใจเดียว ร่างกายของท่านก็กลายเป็นเสือโคร่งลูกศิษย์ต่างแตกตื่นหนีด้วยความตกใจ เมื่อศิษย์ใกล้ชิดตั้งสติได้จึงเอาน้ำมนต์มาราดตัวเสือ ท่านจึงกลับเป็นหลวงพ่อชมนั่งสมาธิตามอยู่เดิม
![]() |
| ข่าวมรณภาพหลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้เพียงชนิดเดียวคือ เหรียญ ซึ่งเหรียญของท่านนั้นถูกจัดให้อยู่ในตำนาน ๕ เหรียญยอดนิยมของเมืองอยุธยา นั่นคือ "เบญจภาคีพระเหรียญประจำจังหวัดอยุธยา" จัดเป็นเหรียญหายากและมีราคาแพง
หลวงพ่อชมปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยพิษไข้ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๕ นับรวมสิริอายุได้ ๖๕ ปี ๔๕ พรรษา.
ด้านวัตถุมงคลของหลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์
เหรียญหลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์ รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ เพื่อแจกในคราวทำบุญอายุครบ ๕ รอบ (๖๐ ปี) ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
| เหรียญหลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์ อยุธยา รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง ของคุณเด่น อยุธยา |
![]() |
| เหรียญหลวงพ่อชม วัดพุทธไธศวรรย์ อยุธยา รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง ของคุณเด่น อยุธยา |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อชม นั่งสมาธิเป็นองค์บนตั่ง องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ เหนือรูปหลวงพ่อมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "วัดพุทธัยสวรรณ์" ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระขอมอ่านได้ว่า "พุทฺธสกกฺโต" ซึ่งเป็นฉายาของท่าน ใต้อักขระขอมมีอักขะเลขไทยเขียนว่า "๒๔๗๐" ซึ่งคือปีที่สร้างเหรียญ
ด้านหลัง มีอักขระยันต์อ่านได้ว่า "มะ อุ อะ นะ โม พุท ธา ยะ นะ มะ พะ ทะ"
ขอขอบคุณ : พระครูธรรมธรรัตนะ วัดใหม่ต้นกระทุ่ม ราชบรุี (ภาษาบาลี)
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***





ไม่มีความคิดเห็น