ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อโม วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าของพระพุทธชินราชอันโด่งดัง ของกรุงเทพฯ
![]() |
หลวงพ่อโม วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร |
หลวงพ่อโม วัดสามจีน หรือ พระครูวิริยกิจจการี (โม ธัมมสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรมหาวิหาร แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ท่านเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงมากอีกรูปหนึ่งของพระนคร พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเพทฯ ท่านมีนามเดิมว่า โม แซ่ฉั่ว เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๕ พ.ศ. ๒๔๐๖ โยมบิดาชื่อนายลิ้ม แซ่ฉั่ว โยมมารดาชื่อนางกิมเฮียง แซ่ฉั่ว
ท่านเป็นเด็กที่มีความเฉลียวฉลาดกว่าเด็กทั่วไป เมื่อยังเล็กโยมบิดาและโยมมารดาจึงนำท่านไปฝากเรียนในสำนักวัดไตรมิตรวิทยาราม จนสามารถอ่านออกเขียนได้ทั้งภาษาจีนและภาษาไทย นอกจากนี้ท่านยังชอบศึกษาหาความรู้ในด้านวิชาอาคมขลังอีกด้วย
ปี พ.ศ. ๒๔๒๖ หลวงพ่อโม ท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดไตรมิตรวิทยาราม แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ได้รับฉายาว่า "ธัมมสโร" โดยมี
พระครูถาวรสมณวงศ์ (เปลี่ยน) เจ้าอาวาสวัดสามจีน เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์สิงห์ วัดหัวลำโพง เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์แย้ม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังกจากที่อุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดสามจีน (วัดไตรมิตรฯ) เรื่อยมาเพื่อศึกษาวิชาปริยัติธรรม และพระธรรมวินัย กับพระอาจารย์เปลี่ยน จนสำเร็จวิชาหลายอย่าง
ปี พ.ศ. ๒๔๓๘ พระครูถาวรสมณวงศ์ (เปลี่ยน) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดสามจีน ได้ย้ายไปปกครองเป็นเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) เมืองพิษณุโลก และถัดมาอีก ๑ ปี คือในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ท่านก็ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ที่ พระปรากรมมุนี และได้รับพระราชทานเป็นเจ้าคณะมณฑลพิษณุโลก
ปี พ.ศ. ๒๔๓๘ พระครูวิริยานุกิจจารี (กล่อม) จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสามจีน อันดับที่ ๔ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ พระอธิการกล่อม ได้มรณภาพลง ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงพร้อมใจกันแต่งตั้งให้หลวงพ่อโม ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสืบแทน
และในปีเดียวกันนั้นเอง หลวงพ่อโม ท่านได้รับการแต่งตั้งตามราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๒๙ หน้า ๒๔๑๑ วันที่ ๒๒ มกราคม ๑๓๑ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๕๕) ความว่า ให้พระอธิการโม วัดสามจีนใต้ เป็นพระครูสัญญาบัตรฝ่ายวิปัสสนาที่ พระครูวิริยกิจการี ถือพัดพุดตาลพื้นแพรแดง สลับเยียรระบับ
![]() |
วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หรือ วัดสามจีน กรุงเทพ |
วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนตรีมิตร แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เป็นวัดโบราณอยู่ในที่ลุ่มพระอารามเป็นเรือนไม้ มีชื่อเดิมว่า "วัดสามจีน" เข้าใจกันว่า ชาวจีน ๓ คนร่วมกันสร้างพระอารามเพื่อเป็นวิหารทานการบุญ
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ พระมหากิ๊ม สุวรรณชาต ผู้รักษาการในหน้าที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ริเริ่มปรับปรุงวัด ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมให้ปรับปรุงสภาพวัดให้ดีขึ้น
ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ พ่อค้าประชาชน คณะครูและนักเรียน ได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามใหม่ เป็นชื่อ "วัดไตรมิตรวิทยาราม" ซึ่งมีความหมายว่า เพื่อน ๓ คนร่วมกันสร้างวัดนี้ ประกอบกับวัดเป็นที่ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมและโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยของรัฐบาลอยู่ภายในบริเวณวัด
![]() |
พระทศพลญาณ วัดไตรมิตร หรือ หลวงพ่อโต วัดสามจีน กรุงเทพ |
ภายในวัดมีพระพุทธทศพลญาณ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้น ลงรักปิดทอง ประชาชนทั่วไปเรียกว่า หลวงพ่อโต บ้างก็เรียกว่า หลวงพ่อวัดสามจีน มีประชาชนมาบนบานกันเสมอๆ ด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยทรงเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ และได้ตรัสยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก
นอกจากนี้ยังมีพระสุโขทัยไตรมิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อทองคำที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการบันทึกในหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ พระพุทธรูปทองคำองค์นี้มีหน้าตั้งกว้าง ๓.๐๑ เมตร สูง ๓.๙๑ เมตร องค์พระสามารถถอดได้ ๙ องค์ จากฐานองค์พระขึ้นไปเนื้อทองบริสุทธิ์ ๔๐% พระพักตร์มีเนื้อทอง ๘๐% ส่วนพระเกศมีน้ำหนัก ๔๕ กิโลกรัม เป็นเนื้อทองบริสุทธิ์ ๙๙.๙๙%
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ไปอัญเชิญพระพุทธรูปมาจากเมืองเหนือเพื่อนำมาประดิษฐานยังวัดสำคัญ
เนื่องด้วยช่วงนั้นแผนดินยังไม่สงบ มักมีสงครามรบพุ่งกับพม่า จึงทำให้วัดวาอารามต่างๆได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงทำการอัญเชิญพระพุทธรูปที่อยู่ตามหัวเมืองต่างๆเข้ามาในพระนครเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจากภัยสงครามนี้เอง ทำให้ในสมัยก่อนนั้นขุนนางและชาวบ้านจึงแอบเอาปูนไล้พระพุทธรูปทองคำแล้วนำมาไว้ยังวัดที่ตนสร้าง
จนได้อัญเชิญมาไว้ที่วัดพระยาไกร (วัดโชติการาม) ต่อมาเป็นวัดร้าง บริษัท อี๊สต์เอเชียติ๊ก จึงได้ขอเช่าที่วัดสร้างเป็นโรงเลื่อยจักร จึงได้อัญเชิญมาไว้ที่วัดไตรมิตรฯ ประดิษฐานอยู่ข้างพระเจดีย์ โดยปลูกเพิงสังกะสีมุงเป็นหลังคากั้นไว้อย่างหยาบๆ
หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปี เมื่อพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่สร้างเสร็จจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน แต่ในระหว่างการเคลื่อนย้ายปูนที่หุ้มองค์พระกระเทาะออก จึงทำให้เห็นองค์พระข้างในเป็นทองคำ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งตรงกับในสมัยรัชกาลที่ ๙
![]() |
หลวงพ่อทองคำ หรือ พระสุโขทัยไตรมิตร วัดไตรมิตร กรุงเทพ |
หลังจากที่หลวงพ่อโม ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัด ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะต่างๆ และสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างสุดความสามารถ
หลวงพ่อโม ท่านขึ้นชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีคาถาอาคมเข้มขลัง โดยชาวบ้านในพื้นที่ทั้งชาวไทยและชาวจีน ต่างให้ความเคารพเป็นอย่างสูง วัตถุมงคลของท่านที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งเหรียญปั๊ม และเหรียญหล่อเนื้อชิน
โดยเฉพาะเหรียญหล่อนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความเหนียวชนิดที่เรียกกันว่าแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว จึงเป็นที่นิยมและหวงแหนกันเป็นอย่างมาก และเหรียญหล่อนี้ยังเป็นต้นแบบของพระเครื่องอีกหลายคณาจารณ์ อาทิ เช่น ชินราชหลวงพ่อเฮี้ยง วัดป่าฯ , ชินราชหลวงพ่อเงิน วัดโพธิ์งาม สมุทรสงคราม เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อพระศาสนา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้นสำเร็จสมบูรณ์ จึงทรงมีพระราชศรัทธาให้หล่อพระพุทธชินราช จำลองจากพิษณุโลก เพื่อประดิษฐานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร
ในพิธีการหล่อพระพุทธชินราชจำลองคราวนั้น ได้มีการอาราธนาพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางเวทมนตร์คาถา เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วไป มาประกอบพิธีนั่งปรกปลุกเสกจำนวนมากมาย ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ หลวงพ่อโม
หลวงพ่อโม ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ถือสันโดษ มักน้อย และยังถือเอกา คือ การฉันมื้อเดียวมาโดยตลอดตั้งแต่บวชจนกระทั่งมรณภาพ โดยอุปนิสัยเป็นผู้ที่มีอารมณ์เยือกเย็น พูดจานิ่มนวล มีเมตตาต่อชนทุกชั้นวรรณะและสัตว์ทั้งปวง กิจวัตรที่ไม่เคยขาดคือการลงโบสถ์ทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้าและเย็น รวมทั้งการบิณฑบาตที่ท่านถือเป็นภารกิจของสงฆ์ที่ควรปฏิบัติมิได้ขาด
สิ่งที่แปลกก็คือ เมื่อท่านบิณฑบาตมาแล้วจะนำอาหารทั้งหมดถวายพระภิกษุ-สามเณร โดยตักแบ่งให้ทั่วทุกองค์ ส่วนตัวท่านนั้นฉันเจมาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ ไม่เป็นผู้เบียดเบียน ชีวิตสัตว์ทั้งหลาย
ในสมัยก่อนกล่าวกันว่า หญิงที่ตั้งครรภ์ถ้าได้ "ดอกบัวเสก" จากท่านไปต้มกิน บุตรที่คลอดออกมาจะมีผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งสีทอง และคลอดง่าย ซึ่งเรื่องนี้ชาวจีนย่านเยาวราชต่างพากันนับถือมาก แต่ละวันจะมีประชาชนมาให้ท่านรดน้ำมนต์ไม่เว้น ยิ่งเครื่องรางของขลังแทบไม่ต้องพูดถึง ท่านจะทำตะกรุด และผ้ายันต์แจกเสมอ
![]() |
หลวงพ่อเปลี่ยน วัดสามจีน กรุงเทพมหานคร |
ปกติหลวงพ่อโม ท่านมีพลานามัยแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ก่อนมรณภาพในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ท่านได้อนุญาตให้คณะศิษย์จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนไว้เป็นที่ระลึก โดยท่านบอกว่าต่อไปของชิ้นนี้จะเป็นตัวแทนของฉันได้ เก็บรักษาไว้ให้ดี
เมื่อท่านสร้างเหรียญแจกจนหมด พอถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๑ จู่ๆ ในระหว่างกลางเดือนกันยายน หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ ท่านได้อบรมพระภิกษุ-สามเณรในพระอุโบสถว่า "ขอให้ศิษย์ทุกองค์ จงตั้งมั่นปฏิบัติธรรมและคอยช่วยทะนุบำรุงวัดให้เจริญก้าวหน้า และสามัคคีกันให้ดี อีกไม่นานฉันต้องจากพวกเธอไปแล้วนะ"
ทั้งพระภิกษุ-สามเณรที่ได้ฟังเช่นนั้น ก็ไม่คิดว่าท่านจะมรณภาพ เพราะเห็นว่าสุขภาพของท่านยังแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยใดๆ คิดว่าท่านอาจจะย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นก็เป็นได้
จนกระทั่งเช้าวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑ พระภิกษุ-สามเณรเห็นท่านไม่เปิดกุฏิออกมาบิณฑบาต อย่างเช่นเคย จึงได้ไปเคาะประตูเรียกก็เงียบจนผิดสังเกต จึงเปิดประตู (ไม่ได้ใส่กลอน) เข้าไปพบว่าหลวงพ่อโมนั่งสมาธิมรณภาพไปแล้ว
หลวงพ่อโม ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑ นับรวมสิริอายุได้ ๕๘ ปี ๓๘ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อโม วัดสามจีน
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่ มีหูเชื่อมไว้สำหรับห้อยคอ มีการสร้างด้วยเนื้อเงินเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อเงิน ของคุณอัต เต่ามังกร |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อเงิน ของคุณTriple Fruit |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อเงิน ของคุณTriple Fruit |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อเงิน |
![]() |
เหรียญหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อเงิน |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อโมครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีช่อมะกอก บนช่อมะกอกมีตัวอักขระขอม "อุนาโลม" ใต้ช่อมะกอกมีอักขระขอมหมายความได้ว่า "พระครูวิริยะกิจการี (โม)"
ด้านหลัง มีอักขระยันต์
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นพระหล่อโบราณ มีการสร้างด้วยเนื้อชินตะกั่วเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
![]() |
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชินตะกั่ว |
![]() |
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชินตะกั่ว |
![]() |
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชินตะกั่ว |
![]() |
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชินตะกั่ว |
![]() |
พระพุทธชินราชหลวงพ่อโม วัดสามจีน กรุงเทพ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ เนื้อชินตะกั่ว |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปพระพุทธทศพลญาณ หรือ หลวงพ่อโต พระประธานของวัดไตรมิตร ประทับนั่งบนอาสนะ องค์พระปรากฏผ้าสังฆาฏิชัดเจน หลังองค์พระมีขอบกนก คล้ายพระพุทธชินราช
ด้านหลัง เรียบไม่ปรากฏอักขระใดๆ ในบางองค์มีรอยจาร
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น